ทาส-ไท
ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ ลุทฺโธ น ปสฺสติ
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โลโภ สหเต นรํ.
คนโลภย่อมไม่รู้อรรถ คนโลภย่อมไม่เห็นธรรม ความโลภครอบงำนรชนเมื่อไร ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น
กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ.
คนโกรธย่อมไม่รู้อรรถ คนโกรธย่อมไม่เห็นธรรม ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อไร ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น
มุฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มุฬฺโห ธมฺมํ น ปสฺสติ
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ.
คนหลงย่อมไม่รู้อรรถ คนหลงย่อมไม่รู้ธรรม ความหลงครอบงำนรชนเมื่อไร ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น
ตั้งอุเทศไว้ว่า “ทาส-ไท” ในประเด็นแรกก็มาทำความเข้าใจกันในคำว่า “ทาส” เสียก่อน “ทาส” นั้น ในพจนานุกรมภาษาไทยให้คำนิยามไว้ว่า ถ้าเป็นนาม “ทาส” นั้นได้แก่ผู้อุทิศตนแก่สิ่งที่ตนเลื่อมใสศรัทธา เช่น เป็นทาสความรู้, ผู้ที่ยอมตนให้ตกอยู่ในอำนาจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น เป็นทาสการพนัน, เป็นทาสยาเสพติดชนิดต่างๆ, เป็นทาสของความรัก, เป็นทาสเงิน, เป็นบ่าวไพร่ทั่วไป, ผู้ที่ขายตัวเป็นคนรับใช้ หรือที่นายเงินไถ่ค่าตัวมา เรียกว่า ทาสน้ำเงิน, ผู้ที่เป็นเชลยเรียกว่า ทาสเชลย, ทาสทาน ทานอย่างเลว คืออาการโยนให้ หรือให้โดยไม่เต็มใจ, ทาสปัญญา ความคิดต่ำ- ความรู้แบบทาส ปัญญาทาส ผู้ที่เป็นลูกของทาสน้ำเงินเรียกกันว่า ทาสในเรือนเบี้ย นี่คือลักษณะหรือความหมายของคำว่า “ทาส” ตามพจนานุกรมภาษาไทย ให้คำจำกัดความเอาไว้
สังคมโลกยุคก่อนย้อนหลังไปหลายร้อยปีที่ผ่านมา ทั่วโลก เป็นสังคมการปกครองกันตามระบบทาส ไม่ว่าจะเป็นสังคมชาติไหน พูดภาษาอะไร นับถือลัทธิศาสนาอะไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วก็มีการปกครองคล้ายๆกัน หรือไม่ก็เลียนแบบกัน เอาอย่างกัน ผู้เป็นหัวหน้าหมู่ หัวหน้าคณะ ที่มีอำนาจในทางการเงิน ทำให้มีคนเกรงขาม ก็สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นใหญ่ในการปกครอง หรือเป็นผู้นำของกลุ่มชนนั้นๆ กลุ่มชนหรือสังคมจะดำเนินไปในทิศทางไหน ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำ ถ้าผู้นำมีสติปัญญาประพฤติตนอยู่ในความชอบธรรม ในปัจจุบันเรียกกันว่า มีวิสัยทัศน์ มีภาวะความเป็นผู้นำ ก็นำสังคมหรือกลุ่มชนไปสู่ความสุข ความเจริญ ความก้าวหน้า และความปลอดภัยในชีวิตในทุกๆ ด้าน บ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าตรงกันข้าม ผู้นำไม่มีวิสัยทัศน์ ขาดภาวะเป็นผู้นำ ก็เป็นกรรมของคนในสังคมแห่งการอยู่ร่วมกัน อย่างน่าอนาถใจ
ยุคก่อน สมัยก่อน ตอนที่คนในโลกปกครองกันด้วยระบบทาส ผู้มีอำนาจในการปกครองส่วนใหญ่ได้แก่ กษัตริย์ กษัตริย์จึงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ปกครองโดยวิธีเกณฑ์คนผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามาเป็นทาส ให้ทำการทำงาน รับใช้ผู้ครองนคร แบบไม่มีค่าตอบแทนอะไร ทำให้ฟรี ผู้มีอำนาจรองลงมาจากกษัตริย์ระดับต่างๆ ต่างก็มีทาสคอยรับใช้ลดหลั่นกันไปตามขั้นตอน บรรดาทาสทั้งหลาย ทั้งชายหญิง ก็ก้มหน้าก้มตา ทำงานตามคำสั่ง ของนายเหนือหัว สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ไม่มีการต่อรอง จะขัดขืนไม่ได้ ใช้แรงกายคล้ายวัว-ควาย ไม่มีผิด ทำงานให้หลวงแต่จะทวงค่าตอบแทนอะไรก็ไม่ได้ ต้องใช้ของตัวเอง กินของตัวเอง บิดพริ้วอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าขัดขืนก็ถูกลงโทษ จับกุมคุมขัง ยังต้องเสียสาอากร (ภาษี) ให้หลวงอีก นี่แหละคือ ระบบทาส ฟังดูมันร้ายกาจน่าหวาดกลัวเหลือกำลัง
ปัจจุบันทุกวันนี้ ระบบทาสได้หมดไปจากสังคมโลกแล้ว อาจจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง ก็น้อยมาก ระบบทาสที่ร้ายกาจทารุณได้หายไปจากสังคมโลกประมาณร้อยกว่าปีมานี้เอง เช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศไทย พวกทาสทั้งหลายได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากความเป็นทาส ได้รับอิสระภาพพ้นจากพันธะโดยประการทั้งปวง การเลิกทาสหรือการปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระ ของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ในกาลเวลาอันใกล้เคียงกัน ก่อนหรือหลังกันก็ไม่กี่ปี จะว่าพร้อมกัน หรือตรงกันก็ไม่ค่อยถูกต้องนัก เอาเป็นว่าใกล้เคียงกันก็แล้วกัน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกานั้น ประชาชนชาวอเมริกันได้รับอิสรภาพกันจริงๆ ในทุกๆด้าน มีสิทธิเสรีภาพเสมอเหมือนกันหมด ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่าใคร แข่งขันกันด้วยปัญญาวิชาความรู้ ใครมีสติปัญญาก็สามารถพัฒนาตัวเอง ให้เจริญก้าวหน้าได้ ไม่มีใครใช้อำนาจกีดกันได้ เรียกว่าเป็นอิสรชน คนมีอิสระจริงๆ นี่คือประเทศสหรัฐอเมริกา
หันมาดูคนในสังคมไทยเรา แม้จะได้รับอิสรภาพจากการปลดปล่อย การเลิกความเป็นทาสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปิยะมหาราชเจ้า รัชกาลที่ ๕ แล้ว แต่ประชาชนทั้งหลายในเวลาต่อมา สังเกตดูก็ยังไม่มีอิสระเท่าที่ควร เข้าหลักที่พูดกันทั่วไปว่า เป็น “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” คล้ายๆ กับว่าคุ้นเคยหรือชินกับความเป็นทาสมานานหลายชั่วคน เมื่อปล่อยแล้วก็ไม่ยอมไป อุปไมยเช่นกับนกที่ถูกขังไว้ในกรง เป็นเวลานานแสนนาน จนมันเคยชิน เวลาถูกปล่อยออกจากรัง ก็ไม่ยอมบินไปไหน ยังบินวนเวียนอยู่แถวใกล้ๆ นั่นเอง คนที่เคยชินกับความเป็นทาสมาหลายชั่วคน ก็คงตกอยู่ในลักษณะเช่นเดียวกัน คือความเป็นทาสก็ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในจิตใจ เลยได้สมญานามใหม่ว่า เป็นทาสที่ “ปล่อยไม่ไป” ยังหลงเหลืออยู่ในสังคมไทยของเรา
ขอพูดถึงระบบทาสอีกสักเล็กน้อย เพื่อเตือนจิต สะกิดใจของคนในสังคมปัจจุบัน ให้ได้รับรู้ความเป็นจริงกันว่า ความเป็นทาสนั้นมันทารุณร้ายกาจขนาดไหน ถ้าอยากรู้สภาพของความเป็นทาสว่า ร้ายกาจขนาดไหน ก็ดูหนังประวัติศาสตร์ของระบบทาสของสังคมอเมริกัน ซึ่งถ่ายทำกันไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุด บรรดาพวกทาสทั้งหลายทุกระดับ โดยเฉพาะพวกที่ซื้อขายกันเหมือนสินค้าในตลาด นับว่าเป็ฯพวกทาสที่ถูกทารุณทรมานที่สุด คือเจ้าของทาสหรือนายทาส ต้องใช้ให้คุ้มค่ากับเงินที่ซื้อมา ถูกใช้ให้ทำงานหนักในทางกสิกรรม อุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ผู้คุมคนงาน จะต้องบังคับให้พวกทาสเหล่านั้น ทำงานกันอย่างหนัก อาบเหงื่อต่างน้ำ หยุดพักนานก็ไม่ได้ พูดคุยกันระหว่างทำงานก็ไม่ได้ ก้มหน้าก้มตาทำงานกัน แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อย ถ้าใครอู้งาน ก็ถูกตีด้วยไม้ฆ้อนก้อนดิน ยิ่งกว่าวัวกว่าควายเป็นไหนๆ ถ้าทำผิดขึ้นมาก็ต้องถูกล่ามโซ่ตีตรวน ชวนให้เวทนาจริงๆ นี่แหละคือลักษณะของความเป็นทาส มันร้ายกาจเหลือที่พรรณนา นำมาบอกกล่าวพอให้เห็นเป็นอุทาหรณ์ ดังนั้น บรรดาพวกทาสที่ปลดปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว อย่าหวนไปพอใจในความเป็นทาสกันอีกเลย และบรรดาพวกนายทาสทั้งหลาย ก็ขอให้ปลดปล่อยพวกเขาเหล่านั้น ให้เป็นอิสระจริงๆ ในทุกๆด้าน เป็นการให้สิทธิเสรีภาพ อิสรภาพ อย่าให้เหลือความเป็นทาสกันอีกต่อไป ให้เป็นยุคแห่งความเป็นอิสรชนกันจริงๆ
เรื่องการปกครองระบบทาส และผลกระทบอันเกิดจากระบบทาส ได้กล่าวมาโดยย่อพอเป็นตัวอย่างแล้ว เข้าใจว่าท่านทั้งหลายก็พอจะเข้าใจกันได้ การเป็นทาสของคนอื่นนั้น มันทุกข์ทรมานอย่างไร ก็คงจะไม่มีข้อข้องใจอะไรกัน ดังนั้น ประเด็นต่อไป จะได้พูดถึงความเป็นทาสของความชั่วกิเลสตัณหา เพื่อศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจกันต่อไป มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาสามัญโดยทั่วไป มักจะตกเป็นทาสของความชั่วกิเลสประเภทต่างๆ อย่างถอนตัวไม้ขึ้น เช่น พวกที่ตกเป็นทาสอบายมุขทางแห่งความเสื่อม คนบางคนก็เป็นทาสของสุรายาเมา จนกลายเป็น “นักเลงเหล้า” ลงได้เป็นทาสของเหล้าของสุราแล้ว ก็ถูกเหล้าถูกสุรามาคร่าชีวิตให้จมมิดอยู่ในหายนธรรม คือความเสื่อม ความฉิบหาย ทั้งทรัพย์สมบัติ และเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ไม่มีอะไรเหลือ เพื่อเตือนจิตสะกิดใจให้มีสติ คนโบราณท่านจึงกล่าวคำพังเพยว่า “คนกินเหล้าไม่เป็นไร แต่อย่าให้เหล้ากินคน ก็แล้วกัน” พอเหล่ากินคนเมื่อไร คนก็กลายเป็นทาสของเหล้าทันทีทันควัน มันหมดความเป็นคน จนกลายเป็นผี เป็นเปรต ทุเรศนัยน์ตา แสดงกิริยาท่าทางออกมาทางกาย ทางวาจา เหมือนพวกบ้าหอบฟาง ไม่อายผีสาง เทวดา ฟ้าดินอะไรทั้งนั้น ดังคำพังเพยว่า หนึ่งแก้วนงนุช พุทธวาจา, สองแก้ว แกล้วกล้าพูดจาองอาจ, สามแก้วนวยนาด ผ้าขาดไม่รู้ตัว, สี่แก้วทูลหัว ไม่กลัวความตาย, ห้าแก้วโฉบฉายความตายไม่คิด, หกแก้วเรืองฤทธิ์ พูดผิดทุกคำ, เจ็ดแก้วงามขำ มือคลำหนทาง, แปดแก้วถากถาง เห็นช้างเป็นหมู, เก้าแก้วโฉมตรู หมาติดตามเลีย, สิบแก้วอ่อนเพลีย จนมดตอมตา, นี่แหละพวกที่ตกเป็นทาสของสุรา ก็จะมีพฤติกรรมทางกาย ทางวาจา แสดงออกมาในลักษณะเช่นนี้ คนดีทั้งหลาย โปรดพากันจำไว้ อย่าให้เหล้ากินเรา จะเศร้าใจไปจนวันตาย
คนบางคนก็ตกเป็นทาสการพนัน เล่นกันได้ทุกประเภทเป็นเหตุให้เกิดความวิบัติฉิบหายในภายหลัง ระวังอย่าให้การพนันมันเล่นคน คนเล่นการพนันแม้มันจะไม่ดีอย่างไร แต่ก็ยังทำเนา แต่ลงการพนันมันเล่นคนเมื่อไร เมื่อนั้นแหละคนก็กลายเป็นทาสของการพนันทันที หนีไม่พ้นจากความหายนะ พระท่านจึงเตือนอย่าตกเป็นทาสของการพนัน เพราะมันผลาญทรัพย์สมบัติให้วิบัติฉิบหายตายทั้งเป็น คนเล่นการพนันนั้นไม่เท่าไร แต่อย่าให้การพนันมันเล่นคน จนตกเป็นทาสของมัน ถ้าถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่แคล้วจากความล่มจม จะนิยมชมชอบการพนันอย่างไร ก็ให้ถือกันว่าเป็นเพียงการเล่น อย่าเอาจริงเอาจัง หวังร่ำรวย อะไรกับการพนันมากนัก จักหมดเนื้อหมดตัว หมดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็ตายทั้งเป็นอย่างอนาถาในบั้นปลายชีวิต บัณฑิตคือท่านผู้รู้ ครูบาอาจารย์ ท่านจึงเตือนใจไว้ว่า อย่าพากันตกเป็นทาสของการพนัน พากันจำไว้ให้ดี
มีคนอีกบางพวกบางเหล่า พากันตกเป็นทาสของยาเสพติดให้โทษประเภทต่างๆ ในทางสังคม มีค่านิยมในยาเสพติดชนิดเลิกไม่ได้ ไม่ได้เสพไม่ได้กินก็ชักดิ้นชักงอ พอตกเป็นทาสของยาเสพติดแล้ว ก็แปลกอะไรกับลิงติดตัง อย่าหวังที่จะถอนตัวออกจากตังได้ มีแต่ตายกับตายเท่านั้นเอง พวกที่เป็นทสของยาเสพติด ก็ไม่ผิดอะไรกัน มันเป็นการตายผ่อนส่งลงทุกวัน ทุกวัน การตกเป็นทาสของยาเสพติด เป็นพิษเป็นภัยแก่คนในสังคมส่วนรวมอย่างกว้างขวาง เป็นการทำลายประเทศชาติอย่างน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะถ้าเยาวชนของชาติ ตกเป็นทาสของยาเสพติดกันแล้ว แน่นอน ย่อมสั่นคลอนความเจริญมั่นคงในอนาคต เพราะเยาวชนเป็นอนาคตของชาติ ถ้าเยาวชนฉลาดก็นำพาชาติให้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ด้วยเหตุนี้ นักปราชญ์เมธีคนดีทั้งหลาย จึงพากันใช้อุบายอันชาญฉลาด ไม่ให้เยาวชนของชาติ ตกเป็นทาสของสิ่งเสพติด น้ำดอง ของเมา เหล้าสุรา ยาเสพติดให้โทษทุกชนิด เพราะมัน เป็นพิษเป็นภัยทำลายสติปัญญาของเยาวชน อันเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของชาติให้เสื่อมเสีย ที่กล่าวมาโดยย่อนี้ เป็นเรื่องการตกเป็นทาสของสิ่งเสพติดชนิดต่างๆ เพื่อหาทางป้องกันต่อไป
ได้กล่าวถึงความเป็นทาสของสิ่งต่างๆ มาพอสมควรแล้ว ประเด็นต่อไป ก็ขอพูดถึงความเป็นทาสที่ร้ายกาจที่สุด ที่มนุษย์ส่วนใหญ่ในสังคมโลก ตกเป็นทาสของมัน นั่นคือการตกเป็นทาสของกิเลสประเภทต่างๆ เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทิฏฐิ มานะ อิจฉาริษยา นินทาว่าร้าย กิเลสทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าใครตกเป็นทาสของมันแล้ว มันก็ใช้ให้ทำ ให้พูด ให้คิดตามประกาศิตของมัน ไม่มีอิสระเป็นตัวของตัวเอง ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสน ไปตามอำนาจอิทธิพล ของกิเลสประเภทนั้นๆ
คนที่ตกเป็นทาสกิเลสประเภท “โลภะ” ความโลภ ก็ถูก โลภะ ความโลภมันบังคับให้ทำ ให้พูด ให้คิด ให้กระเสือกกระสนดิ้นรนไปตามอำนาจอิทธิพลของมัน ความโลภบังคับให้ทำก็ทำ ความโลภบังคับให้พูดก็พูด ความโลภบังคับให้คิดก็คิด เรียกว่า ทำ, พูด-คิด ตามประกาศิตของความโลภตลอดเวลา หาความเป็นอิสระไม่ได้ แม้แต่อึดใจเดียว เกี่ยวกับพวกที่ตกเป็นทาสของความโลภนี้ เป็นภัยอันตรายแก่ตัวเอง เหลือที่จะพรรณนา พระบรมศาสดาตรัสว่า
คนโลภย่อมไม่รู้อรรถ คนโลภย่อมไม่เห็นธรรม
ความโลภครอบงำนรชนเมื่อไร ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น
คนที่ตกเป็นทาสของความโลภ ย่อมไม่รู้อรรถ คือไม่รู้ประโยชน์ตน ไม่รู้ประโยชน์คนอื่น ประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์ข้างหน้า ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ นิพพาน และก็ไม่เห็นธรรม คือไม่เห็นความดี ความถูกต้อง และความเป็นจริง เห็นอยู่สิ่งเดียวคือ ความโลภมากอยากได้ในทางทุจริต ผิดศีล ผิดธรรม ผิดกฏหมาย ผิดวัฒนธรรมประเพณี พวกที่ตกเป็นทาสของความโลภนี้ นอกจากเป็นภัยอันตรายแก่ตนเองแล้ว ก็ยังเป็นภัยอันตรายต่อสังคมส่วนรวมอีกด้วย พวกที่ได้อำนาจเงินอำนาจรัฐมาด้วยวิธีทุจริต คอรัปชั่นนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่ตกเป็นทาสความโลภ ด้วยกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ นักปราชญ์เมธีคนดีทั้งหลาย จึงเตือนว่าอย่าตกเป็นทาสความโลภเลย
พวกที่ตกเป็นทาส “โกธะ” ความโกรธ ก็เป็นคนที่มีใจดำ อำมหิต ผิดมนุษย์ธรรมดา ถูกความโกรธมันบังคับให้เป็นคนฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด อาจจะกระทำร้ายแม้กระทั้งผู้มีพระคุณแก่ตนเอง พวกที่ตกเป็นทาสของความโกรธ ความเกลียด ความชังนี้ มีอันตรายมาก เป็นอันตรายทั้งแก่ตนเอง และบุคคลอื่น เราจะสังเกตเห็นสังคมใด หมู่ใด คณะใด ประเทศชาติใด มีบุคคลประเภทที่ตกเป็นทาสของโกรธ ความเกลียด ความชังอยู่มาก สังคมนั้น หมู่นั้น คณะนั้น ประเทศชาตินั้น ก็มีแต่ความทุกข์ความเดือดร้อน บ่อนทำลายความสงบสุขของคนไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะผู้มีอำนาจเงิน อำนาจรัฐ ปกครองประเทศชาติบ้านเมือง ตกเป็นทาสของความโกรธ ความเกลียด ความชังด้วยแล้ว แน่นอน ความทุกข์ความเดือนร้อน ความไม่เป็นธรรม ความไม่ยุติธรรม ความไม่เสมอภาค ย่อมเกิดขึ้นแก่คนในสังคมแห่งการอยู่ร่วมกัน ดังที่เราท่านเห็นกันอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้ นี่แหละภัยอันตรายที่เกิดจากพวกที่ตกเป็นทาส มันมีโทษเหลือที่จะพรรณนา ดังที่กล่าวมาโดยย่อให้เห็นเป็นตัวอย่างนี้
พวกที่ตกเป็นทาสของ “โมหะ” คือความลุ่มหลงมัวเมา โง่เขลาเบาปัญญา พากันหลงใหลแต่ในสิ่งที่หาสาระประโยชน์มิได้ คล้ายๆกับพวกแมลงเม่าพากันบินเข้ากองไฟ ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้นเอง เราจะสังเกตเห็นพวกที่ตกเป็นทาสของโมหะ ความไม่รู้ตามความจริงนี้ พวกเขาจะมีพฤติกรรมแสดงออกมาในลักษณะ หลอกลวงคนอื่นให้เชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ เช่น เชื่อผีสางนางไม้ เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์มีอำนาจ สามารถดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้สำเร็จได้ ตามใจปรารถนา จึงพาให้พวกเขาประมาท ขาดสติ ในดำริในการแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาตนเอง ให้มีความเจริญก้าวหน้าได้ เพราะความงมงายครอบงำจิตใจ ไปเชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ เมื่อตกเป็นทาสของโมหะ ก็แล้วแต่โมหะจะประกาศิตให้ทำ ให้พูด ให้คิดไปตามฤทธิ์ของโมหะ ความโง่เขลาเบาปัญญา มันบังคับบัญชาให้เป็นไป ที่กล่าวมาโดยย่อพอเป็นตัวอย่างนี้ เป็นเรื่องของคนที่ตกเป็นทาสของโลภะ ความโลภ, โกธะ ความโกรธ, โมหะ ความหลง ไม่รู้ตามความเป็นจริง
ส่วนพวกที่ตกเป็นทาสของทิฏฐิ มานะ อิจฉาริษยา นินทาว่าร้าย ก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน โดยเฉพาะพวกที่ตกเป็นทาสของอิจฉาริษยา นินทาว่าร้ายนั้น มันภัยอันตรายต่อสังคมส่วนรวม เหลือที่จะพรรณนา เราจะสังเกตเห็นในสังคมไทยของเราทุกวันนี้ มีพวกที่ตกเป็นทาสของอิจฉาริษยา จนพาให้คนในสังคมล่มจมฉิบหายในทุกๆ ด้าน บ้านเมืองประชาชนแตกกันเป็นพรรคเป็นพวก เป็นก๊กเป็นเหล่า เล่นเอาสังคมไทยกลายเป็นสังคมป่าหาความสงบสุขอะไรมิได้ นี้แลผลร้ายอันเกิดจากความเป็นทาสของกิเลสตัณหา นำมาเตือนจิต สะกิดใจ ต่อไปอย่าพากันตกเป็นทาสของกิเลสประเภทต่างๆ ดังตัวอย่างที่กล่าวมานี้เลย
ต่อไป เข้าประเด็นความเป็น “ไท” ความเป็นไท ก็ได้แก่ความไม่เป็นทาส มีความเป็นอิสระเป็นใหญ่ในตนเอง ไม่เป็นทาสของใครในทุกๆด้าน ไม่เป็นทาสของกิเลสประเภทต่างๆ มีความเป็นอิสระพ้นจากพันธะโดยประการทั้งปวง เราจะสังเกตเห็นคนที่เป็นทาสของคนอื่น หรือเป็นทาสของกิเลส จะทำ จะพูด จะคิดอะไร ตามใจของตนไม่ได้ ต้องทำ ต้องพูด ต้องคิด ตามประกาศิตของนายเหนือหัวทุกอย่างไป ไม่ต่างอะไรกับวัวกับควาย สั่งซ้ายก็ต้องซ้าย สั่งขวาก็ต้องขวา สั่งหน้าก็ต้องหน้า สั่งหลังก็ต้องหลัง นี่คือพวกที่ตกเป็นทาส ไม่อาจทำอะไร พูดอะไร คิดอะไร ตามใจตนเองที่ถูกต้องชอบธรรมได้ ส่วนพวกที่ไม่ตกเป็นทาส แต่เป็นไทในตนเอง เป็นใหญ่ในตนเอง เขาจะทำ จะพูด จะคิดอะไร ก็เป็นอิสระ ทำได้ พูดได้ คิดได้ ในทางที่ถูกต้องชอบธรรม ไม่มีอำนาจอะไรจะมาครอบงำได้ จะทำอะไร จะพูดอะไร จะคิดอะไร ก็เป็นอิสระ ไม่มีพันธะอะไรเป็นเครื่องผูกพัน
ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนประพฤติตนตามหลักของศีล สมาธิ ปัญญา นำพาจิตใจให้หยั่งลงสู่ความสงบ สะอาด สว่าง อันเป็นทางให้เกิดปัญญา นำไปทำลายกิเลสตัณหา อันเป็นต้นตอก่อให้เกิดปัญหา พาให้ตกเป็นทาสของกิเลสต่างๆ ดังตัวอย่างที่กล่าวมา พอจิตใจพ้นจากกิเลส ก็เป็นเหตุให้เกิดความเป็น “ไท” ไปตลอดอนันตกาล ขอให้ทุกคนประพฤติตนให้เป็น “ไท” กันเกิด จะเกิดสิริมงคล ส่งผลให้มีแต่อิสระไม่มีพันธะโดยประการทั้งปวง
เกิดเป็นคน อย่าทำตน ให้เป็นทาส
ซึ่งนักปราชญ์ ในกาลก่อน คอยพร่ำสอน
การเป็นทาส มันเป็นทุกข์ อย่างแน่นอน
ปราชญ์เมธี ท่านสอน ควรจดจำ
อย่าทำตน ให้เป็นทาส ของกิเลส
ที่เป็นเหตุ ทำใจ ให้ตกต่ำ
อย่าปล่อยให้ โลภ,โกรธ,หลง เข้าครอบงำ
อันจะทำ ให้ฉิบหาย ในบั้นปลาย
ถ้าเป็นทาส โลภะ แน่นอนละ
อิสระ นั่นอย่าหวัง พังทะลาย
ถูกโลภะ มันนำไป สู่อบาย
ความฉิบหาย ก็ตามมา พาล่มจม
ถ้าเป็นทาส ของโกธะ พระท่านบอก
ถูกมันหลอก โกรธเป็นไฟ ใจตรอมตรม
จะอยู่กิน สิ้นสุข ทุกข์ระทม
ต้องนอนจม ในกองไฟ ไปชั่วกาล
ถ้าเป็นทาส ของโมหะ พระเตือนว่า
เหมือนคนบ้า แบกหญ้า น่าสงสาร
ต้องกะเซอะ กะเซอ เจอคนพาล
ไม่พบพาน แสงสว่าง ตลอดกาล
นี่แหละคือ ความเป็นทาส ของกิเลส
อันเป็นเหตุ ทำคน จนเป็นพาล
อ่อนความคิด อ่อนความดี ไม่มีญาณ
ขอทุกท่าน ไม่เป็นทาส นั่นแหละดี
ขอเชิญชวน มวลประชา มาเป็นไท
เราจะได้ มีศักดิ์ และมีศรี
ความเป็นไท ได้ทั้งสิทธิ์ และเสรี
ปราชญ์เมธี ในกาลก่อน ท่านสอนมา
ขอเตือนจิต มิตรทั้งหลาย ทุกถ้วนหน้า
พร้อมกันมา สรรสร้าง ทางปัญญา
เพื่อไม่ให้ ตกเป็นทาส อวิชชา
แล้วนำพา ส่งให้ เราเป็นไท
การเป็นไท นั่นแหละดี มีอิสระ
มีธรรมะ นำทาง สร้างนิสัย
ให้พ้นจาก ความเป็นทาส มาเป็นไท
มีจิตใจ สงบเย็น เป็นนิรันดร์ ฯ